ปัจจุบัน
เทรนด์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นคือ "Sleep Tourism" หรือการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งแตกต่างจากการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมที่เน้นการทำกิจกรรมหรือเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว เพราะจุดประสงค์หลักของการท่องเที่ยวรูปแบบนี้คือการได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เทรนด์นี้เกิดขึ้นมาจากปัญหาการนอนหลับที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ข้อมูลจาก CDC ระบุว่าชาวอเมริกันประมาณ 36% กำลังเผชิญกับ "โรคนอนหลับ" หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ การสำรวจของ Gallup ยังพบว่าประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วโลกกำลังประสบปัญหาความเครียดและนอนไม่หลับ ไม่เฉพาะในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่พบในหลายประเทศทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศในยุโรป
การศึกษาจาก Journal of Clinical Sleep Medicine ยังชี้ให้เห็นว่าประมาณ 40% ของผู้คนจำนวน 2,500 คน เกิดภาวะนอนหลับไม่เพียงพอนับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นจำนวนมากนอนไม่ถึง 7 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลานอนขั้นพื้นฐานที่ร่างกายต้องการ
Gallup คาดการณ์ว่าในปี 2025 นักท่องเที่ยวจะหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบ Sleep Tourism มากขึ้น ทำให้โรงแรมและรีสอร์ตต่างๆ เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการนี้ จุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ใช่การผจญภัยหรือทำกิจกรรมให้คุ้มค่า แต่ต้องการใช้เวลากับการนอนหลับที่มีคุณภาพตลอดทั้งทริป
เราเริ่มเห็นโรงแรมหลายแห่งปรับการสื่อสารการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น โรงแรมฮิลตันที่สื่อสารกับลูกค้าว่า "มาเพื่อพักผ่อนและชาร์จพลัง" บางโรงแรมเน้นย้ำถึงคุณภาพของผ้าปูที่นอนที่ใช้จำนวนเส้นด้ายที่มากและหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะไม่รบกวนการนอนหลับ หลายแห่งยังนำเสนอ "ประเภทหมอน" ให้ลูกค้าเลือกตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นหมอนขนเป็ดหรือเมมโมรีโฟม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการนอนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
ดร. เรเบคก้า ร็อบบินส์ ให้ความเห็นกับ CNN Travel ว่า ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ผู้คนอดหลับอดนอนในปัจจุบันมีมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานหนัก และมองว่า Sleep Tourism มีความสอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จึงมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
สำหรับประเทศไทยซึ่งพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาโดยตลอด นักการตลาดของที่พัก โรงแรม และรีสอร์ตต่างๆ ควรทำความเข้าใจและพัฒนาแคมเปญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพราะพวกเขาพร้อมที่จะใช้จ่ายเพื่อแลกกับความสบายและการนอนหลับที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย